หัวใจ
575 views
การดูแลรักษา หัวใจ ให้แข็งแรง
“หัวใจ” ถือว่าเป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญต่อทุกระบบในร่างกาย เหตุเพราะหัวใจปฏิบัติหน้าที่สูบฉีดเลือดที่อุดมไปด้วยออกสิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย การที่เรามีหัวหัวใจที่แข็งแรงจะช่วยปรับอวัยวะส่วนอื่นของสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงตามไปด้วย เนื่องจากมีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงอย่างพอเพียง
นอกจากนี้ การที่เรานั้นมีหัวดวงใจที่แข็งแรง ยังเป็นการบอกถึงความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการใช้งานร่างกายได้ดีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย รวมทั้งการใช้สมองในการจัดการเป็นอย่างมาก
เปลี่ยนความประพฤติช่วยปรับให้หัวใจแข็งแรง
การกระทำการดำรงชีวิตแล้วก็การกินของกินมีผลโดยตรงต่อสถาพทางร่างกายหัวใจ รวมถึงระบบต่างๆในร่างกายด้วย การที่คุณดำรงชีพอย่างเหมาะควรย่อมทำให้มีสุขภาพกายและจากนั้นก็หัวใจที่แข็งแรง
โดยจะแบ่งได้ 4 ทางง่ายๆที่เพียงประพฤติตามก็มีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง ดังนี้
1.ออกกำลังกายบ่อยๆเพื่อหัวใจที่แข็งแรง
การบริหารร่างกายไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ทำให้ร่างกายมีความสมบูรณ์แข็งแรงได้ แม้กระนั้นการบริหารร่างกายเพื่อทำให้หัวใจแข็งแรงนั้น จำเป็นจะต้องทำออกกำลังกายแบบใช้ออกสิเจน ขั้นต่ำราว20-30 นาทีต่อครั้ง บาคาร่า อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน ก็จะช่วยให้หัวใจของคุณแข็งแรงขึ้น
กรรมวิธีออกแรงแบบใช้ออกสิเจนนั้น พินิจพิจารณาง่ายๆจากการที่เราจะมีลักษณะอาการอ่อนล้า แต่ยังสามารถบอกได้ตามปกติ หากแม้เรามีเครื่องมือที่สามารถวัดการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายได้ อัตราการเต้นของหัวใจที่จะต้องเป็นเป็น 60-70% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดนั่นเอง
2.เลือกกินอาหารบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
อาหารที่ช่วยบำรุงรักษาหัวใจให้แข็งแรงมีอยู่หลากหลาย ขั้นตอนการรับประทานอาหารเพื่อช่วยปรับหัวใจแข็งแรงแบบง่ายๆก็คือการกินอาหารเพื่อลดไขมันในหลอดเลือด ดังนี้
- กินอาหารไขมันต่ำ โปรตีนสูง ดังเช่นว่า เนื้อไม่ติด เนื้อไก่ เนื้อปลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลามหาสมุทร จะมีกรดไขมันที่ดีช่วยในประเด็นการลดไขมันในหลอดเลือดได้อีกด้วย
- รับประทานผักผลไม้ให้มากยิ่งขึ้น อาหารประเภทนี้ อุดมไปด้วยวิตามินแร่ และก็ใยอาหาร ช่วยในเรื่อง ของการลดไขมันในหลอดเลือด ลดการเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคหลอดเลือดและจากนั้นก็หัวใจ
- รับประทานเมล็ดพืชไม่ขัดสีเสมอๆช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคหัวใจได้อย่างยอดเยี่ยม
- เลิกรับประทานอาหารรสจัด ดังเช่นว่า รสเค็มจัด นอกเหนือจากการที่จะทำให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อไตแล้ว โซเดียมคลอไรด์ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจอีกด้วย โดยปริมาณโซเดียมต่อวันไม่ควรเกิน 2,300 มิลลิกรัม (เกลือ 1 ช้อนชา หรือ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ)
- หลีกไขมันไม่ดีที่ส่งผลเสียและเสี่ยงต่อการสูญเสียสุขภาพ ตัวอย่างเช่น ไขมันจากสัตว์ที่อยู่ในรูปของน้ำมัน เนย หรือครีม เพราะเป็นแหล่งสำคัญของไขมันอิ่มตัวชนิดไม่ดี และก็คอเลสเตอรอล และไขมันทรานส์ด้วย
- ลดหรือเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะเหตุว่าเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงสำหรับการเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะเป็นอย่างฉับพลัน เนื่องจากเครื่องดื่มกลุ่มนี้เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะพิเคราะห์ได้ว่า เลือดจะสูบฉีดมากกว่าปกตินั่นเอง
3.ความเคร่งเครียดเป็นเหตุหนึ่งในการรบกวนหัวใจ
เวลาที่เครียดไหมค่อยบันเทิงใจ หัวใจจะทำงานมากกว่าปกติ คาสิโน เหตุดังนี้ความเครียดก็เลยถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ลดความแข็งแรงของหัวใจลงโดยไม่ทันรู้ตัว
4.นอนพักให้เพียงก็ช่วยทำให้ปรับหัวใจแข็งแรง
การผ่อนคลายจิตใจที่เหมาะสมที่สุดเป็น การนอนสนิท ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่ดีที่สุด ที่หัวดวงใจ ของเรา จะได้พักไปด้วย การนอนอย่างพอเพียง ก็เลยถือเป็นการช่วยทำให้ปรับหัวใจของเรากลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มความสามารถในวันถัดไปนั่นเอง
5.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของการเป็นโรคหัวใจเป็น โรคเบาหวาน เพราะฉะนั้นการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ดีจะช่วยลดการเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจได้
6.ควบคุมน้ำหนักตัวให้เข้าขั้นที่เหมาะ
การควบคุมน้ำหนักตัวนี้อาศัยการคำนวณค่าดัชนีมวลกาย JOKER (Body Mass Index) ซึ่งคำนวณดังสูตร
BMI = น้ำหนัก (กิโล) / ความสูง (เมตร)2
โดยค่า BMI ที่เหมาะสมจะอยู่ในตอน 18.5–24.9 กิโล/เมตร
เพราะอะไรถึงควรต้องตรวจหัวใจเสมอๆทุกปี?
เราควรตรวจหัวใจบ่อยๆทุกปี เพื่อเฝ้าติดตามเหตุการณ์ของหัวใจว่า ปฏิบัติงานได้ปกติดีไหม หรือมีเรื่องมีราวไม่ดีเหมือนปกติอะไรที่จำต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขไหม การที่ตรวจพบความแปลกตั้งแต่เนิ่นๆจะช่วยทำให้ปรับการรักษาประสบความสำเร็จเยอะขึ้น
ในบทความนี้ จะแบ่งการตรวจสุขภาพหัวใจออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆเป็น การตรวจหัวใจรากฐานด้วยตัวเอง รวมถึงการตรวจหัวใจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การตรวจหัวใจรากฐานด้วยตัวเอง
การตรวจหัวใจฐานรากด้วยตัวเองเป็นเพียงการตรวจพื้นฐานที่ไม่สามารถรับรองได้ว่า หัวใจของคุณปฏิบัติการปกติจริงๆแม้ว่าก็สามารถตรึกตรองอาการเบื้องต้นได้ ถึงแม้คุณมีลักษณะอาการผิดปกติ อย่าอยู่เฉย ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อหามูลเหตุที่แจ่มกระจ่าง โดยการตรวจหัวใจฐานรากด้วยตัวเอง มี 3 หนทางดังนี้
- การคาดคะเนความดันโลหิต: ความดันโลหิตนั้นส่งผลเสีย ต่อระบบไหลเวียนเลือด ของหัวใจ หากแม้ความดันโลหิตปกติ ย่อมแปลว่าหัวใจมีลัษณะทิศทางว่าดำเนินการปกติค่อนจะสูง
- ค่าความดันปกติ ตัวบนจะอยู่ที่ 120 ส่วนตัวด้านล่างจะไม่เกิน 90 JOKER GAMING แต่ว่าหากแม้คุณมีความดันตัวบนสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 140 หรือตัวข้างล่างสูงขึ้นยิ่งกว่า 100 ควรรีบไปพบแพทย์ในทันทีทันใด
- แม้ความดันจะไม่ได้สามารถบอกความแข็งแรงของหัวใจโดยตรง แต่การที่มีความดันสูง หมายความว่า หัวใจกำลังทำงานมากเกินกว่าปกติ
- การคาดการณ์อัตราการเต้นของหัวใจ: อัตราการเต้นของหัวใจในคนเดินดินอยู่ที่ประมาณ60-100 ครั้งต่อนาที ยิ่งหัวใจเต้นช้าเท่าไรก็ยิ่งแข็งแรงเท่านั้น (แต่แม้ช้าอย่างยิ่งน่าจะไปพบแพทย์) เหตุเพราะการที่หัวใจเต้นช้า มีความหมายว่า หัวใจบีบตัวเพียงแค่หนึ่งครั้งก็สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงได้ทั่วร่างกาย แต่ว่าถึงแม้คุณมีความรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติเกินจำเป็นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายต่อไป
- ไตร่ตรองจากอาการปกติ: ถ้าหากคุณไม่มีอาการอ่อนล้าง่าย หน้ามืดเวลาออกกำลังกายหรือเดินขึ้นบันได ใจสั่น เป็นลมเป็นแล้งบ่อยๆหรือเจ็บบริเวณอก ก็อาจสรุปง่ายได้ว่า อาจไม่มีความเปลี่ยนไปจากปกติเกี่ยวกับหัวใจ เพราะว่าอาการกลุ่มนี้ เป็นรูปแบบของผู้เป็นโรคหัวใจนั่นเอง
การตรวจหัวใจโดยแพทย์ผู้ชำนาญ
การตรวจหัวใจโดยแพทย์ผู้ชำนาญจะทำก็เมื่อแพทย์สงสัยว่าคุณอาจมีความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ อาทิเช่น หัวใจมีอัตราการเต้นที่แตกต่างจากปกติ หรือมีภาวการณ์ของโรคหัวใจแล้วหลังจากนั้นก็เส้นโลหิตที่อาจนำไปสู่สภาพการณ์หัวใจวายได้ ซึ่งแพทย์จะใช้การทดสอบหลายๆอย่างร่วมกัน pg เพื่อการวิเคราะห์ที่ถูก
โดยจะมีวิธีการทดสอบหรือตรวจหัวใจ ดังนี้
- การตรวจคลื่นสะท้อนความถี่สูงหัวใจ (Echocardiogram): เป็นการอัลตราซาวด์หัวใจโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสร้างภาพของหัวใจขึ้นมา เพื่อตรวจทานรายละเอียดหัวใจ
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: ECG): การบันทึกกิจกรรมทางไฟฟ้าของหัวใจ ซึ่งผลพวงต่ออัตราการเต้นของหัวใจรวมทั้งระบบไหลเวียนเลือดโดยตรง
- การทดสอบความทนทานต่อการบริหารร่างกาย (Exercise Tolerance Test: ETT): เป็นการบันทึกกิจกรรมของหัวใจในตอนที่จำต้องทำงานมากอยู่ ดังเช่นว่า ในเวลาที่คุณกำลังเดินอยู่บนทางวิ่ง เพื่อเห็นว่าหัวใจตอบรับต่อการออกแรงอย่างไรบ้าง
- การทดสอบความเอียง: สอดส่องความดันโลหิต และก็อัตราการเต้นของหัวใจของคุณขณะนอนราบและขณะลุกขึ้นยืน เพื่อประเมินอาการหน้ามืดหรือวิงเวียน และเพื่อคิดว่ารูปแบบของคุณมีความเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตหรือการเต้นของหัวใจหรือไม่
- การถ่ายภาพสะท้อนแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI): ใช้พลังงานแม่เหล็กที่ปล่อยออกมาในเครื่องสแกน เพื่อร่างภาพหัวใจและเส้นโลหิตออกมา pgslot กระบวนการตรวจนี้ใช้เพื่อตรวจหาปัญหาเรื่ององค์ประกอบของหัวใจและจากนั้นก็การไหลเวียนของโลหิต
- การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หลอดเลือดหัวใจ (Cardiac Computed Tomography: Cardiac CT): จะใช้เครื่องเอกซเรย์ชนิดพิเศษที่เลื่อนไปรอบๆร่างกายเพื่อได้ภาพจำลองหัวใจแบบ 3D ออกมา
- การสแกนด้วยทัลเลียม (Thallium scan): เป็นการสแกนเพื่อคิดว่า เลือดไหลไปยังกล้ามเนื้อหัวใจผ่านเส้นโลหิตหัวใจปกติดีหรือไม่ โดยติดตามจากสารทัลเลียมที่ฉีดเข้าไป
- การฉีดสีเส้นโลหิตหัวใจ: เป็นการเอกซเรย์ประเภทหนึ่งที่ใช้ตรวจหลอดเลือดหัวใจที่ใช้ส่งเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ โดยการฉีดสีเข้าไปแล้วมองดูการไหลเวียนของสี
- การพิสูจน์เลือด: สามารถตรวจได้หลายแบบ เช่น 2xl สล็อต วัดระดับของเซลล์เม็ดเลือดแล้วก็เกล็ดเลือด ระดับไขมัน คอเลสเตอรอล และก็กรดยูเรีย ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่อสุขภาพหัวใจทั้งสิ้น
กรรมวิธีรักษาโรคหัวใจ
การดูแลรักษาโรคหัวใจจะเริ่มจากการใช้ยารักษาโรคหัวใจ ดีขึ้นอาการก่อน ยกเว้นเป็นโรคหัวใจขาดเลือดชนิดที่จะต้องได้รับการรักษาด้วยสวนหัวใจ แพทย์จะรักษาโดยการขยายเส้นโลหิตหัวใจด้วยบอลลูน และก็การดามขดลวด
หากยาใช้รักษาไม่ได้การ แพทย์จะประเมินผู้บาดเจ็บว่า โรคแล้วก็ระยะที่ผู้เจ็บป่วยเป็นจำเป็นจะต้องเข้ารับการผ่าตัดศรีษะจิตใจหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการซักประวัติความเป็นมาคนป่วย การทดสอบหัวใจต่างๆที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ และสุขภาพโดยรวม
การเสี่ยงสำหรับการผ่าตัดหัวใจ
ภาวะแทรกซ้อนที่สามารถมักพบจาก การผ่าตัดศรีษะดวงใจ มักแปรไปตามชั่วโมงแล้วหลังจากนั้นก็วัน โดยผู้ป่วยจะได้รับการต่อว่าดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจากกรุ๊ปแพทย์ ซึ่งมีภาวะแทรกซ้อนดังนี้
- เลือดออก: อาจเกิดขึ้นที่บริเวณแผลผ่าตัด หรือ pg slot ในบริเวณของหัวใจซึ่งมีการผ่าตัด
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ: ในบางคราวอาจมีการใส่เครื่องควบคุมการเต้นของหัวใจข้างนอกชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อหยุดปัญหานี้
- หัวใจขาดเลือด: มีการทำลายเยื่อหัวใจจากการขาดเลือดที่ไหลไปสู่หัวใจ
- เสียชีวิต: การเสี่ยงของการเสียชีวิตจะเยอะขึ้นสำหรับในการผ่าตัดที่มีการหยุดแนวทางการทำงานของหัวใจ
- ลิ่มเลือด: อาจเกิดลิ่มเลือดบริเวณด้านในแล้วก็บริเวณศีรษะดวงใจ หรืออาจเขยื้อนไปตามกระแสเลือด
- เส้นเลือดในสมองตีบ: มักมีต้นเหตุที่เกิดจากการมีลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นวันหลังการผ่าตัด
- การผ่าตัดรีบด่วน: ถ้าหากมีปัญหาเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัด อาจจะต้องมีการผ่าตัดรีบด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้
- สถานการณ์บีบหัวใจ (Cardiac tamponade): เป็นสถานการณ์ที่เยื่อหุ้มห่อหัวใจมีเลือดอยู่ข้างใน ทำให้หัวใจดำเนินการได้ยากขึ้นหรือทำงานไม่ได้เลย และก็อาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต
อ่านบทความที่น่่าสนใจ ถัดไป slotpgฟรีเครดิต
อัพเดทล่าสุด : 28 มิถุนายน 2021